
โปร Double Day (DDay) ถ้าไม่เข้าร่วมในแพลตฟอร์ม eCommerce จะส่งผลอย่างไรต่อยอดขาย และโฆษณา
January 6, 2025LazMall และ Shopee Mall เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการยืนยันตัวตน สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ ว่าร้านที่ได้รับสัญลักษณ์ LazMall และ Shopee Mall นั้นเชื่อถือได้
แต่สิ่งที่น่าคิดตามมานั่นก็คือ การที่เป็น LazMall และ Shopee Mall นั้นมีผลต่อการสั่งซื้อสินค้ากับการทำโฆษณามากแค่ไหน และจะคุ้มค่าไหมเมื่อสมัครนั่นเอง ดังนั้นคอนเทนต์นี้จะช่วยหาคำตอบได้บางส่วน แต่ก็ต้องบอกไว้เหมือนเดิมว่าอันนี้เป็นเคสจากประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงที่ไหนได้
LazMall และ Shopee Mall คืออะไร
LazMall และ Shopee Mall เป็นอีกบริการหนึ่งที่ยกระดับตัวตนของร้านค้า ให้ทางผู้ซื้อเชื่อมั่นได้ว่าเรานั้นขายของแท้ และมีตัวตน สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อได้เป็นอย่างมาก โดยสามารถแบ่งออกเป็นการสมัครแบบ 4 อย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
- เจ้าของแบรนด์ (Brand Owner)
- ผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Distributor)
- ตัวแทนจำหน่ายแบบไม่ผูกขาด (Non-Exclusive Distributor)
- ร้านค้าปลีก (Verified Store)
ส่วนหลักฐานในการสมัครนั้น ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละแพลตฟอร์มกำหนด แต่แน่นอนว่าการเป็น LazMall และ Shopee Mall ได้ความน่าเชื่อถือมาแล้ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยกับเรื่องของ ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น การส่งฟรีต่าง ๆ ดังนั้น การที่จะแลกมา ก็ต้องคิดเพิ่มแล้วว่าคุ้มแค่ไหน
การเป็น LazMall และ Shopee Mall มีผลต่อการสั่งซื้อมากแค่ไหน ในส่วนของ Organic

ถ้าขายสินค้าเหมือนกัน ราคาเท่ากัน การเป็น LazMall, Shopee Mall ช่วยให้ขายดีมากขึ้น
ในหัวข้อนี้เราจะยังไม่พูดถึงเรื่องของโฆษณา เอาแค่หลักง่าย ๆ โดยทั่ว ๆ ไปก่อน ถ้าสินค้านั้นเป็นสินค้าแบบเดียวกัน เหมือนกันเป๊ะ ไม่ว่าจะเป็น ราคา คุณภาพ การส่งฟรี โปรโมชั่น ต่างแค่ว่า ร้านนั้นเป็น LazMall, Shopee Mall กับอีกร้านที่ไม่ได้เป็น แน่นอนว่ามีผลเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลายคนจะเชื่อมั่นใน LazMall, Shopee Mall ว่าน่าจะได้ของแท้อย่างแน่นอน อันนี้จริง ๆ ประสบการณ์ที่ขายสินค้าใกล้เคียงกัน แต่เปิด 2 ร้าน โดยร้านหนึ่งเป็น LazMall, Shopee Mall แต่อีกร้านเป็นร้านทั่วไป ก็จะเห็นยอดแบบ Organic แบบชัดเจนว่า ฝั่ง LazMall, Shopee Mall จะขายดีกว่า
ทั้งฝั่ง Lazada และ Shopee มักจะผลักดันร้าน LazMall และ Shopee Mall ก่อน
การผลักดันในที่นี้ หมายถึงส่วนของ Search Result หรือหน้าผลลัพธ์การค้นหาที่เห็นได้ชัดมาก เช่นถ้าเราค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดสักคำ เช่น “เคสมือถือ” จะเห็นเลยว่าการโชว์สินค้าจากร้านค้าที่เป็น LazMall และ Shopee Mall ขึ้นมาเห็นค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว (ถ้าไม่นับรวม Ads เฉพาะ Organic ก็เป็นเช่นนั้นอยู่ดี) ยังไม่พอยังมีแถบฟิลเตอร์ให้เลือกแสดงผลการค้นหาที่มาจากร้าน LazMall และ Shopee Mall อย่างเดียวได้ด้วย จะเห็นว่าการเป็น Mall นั้นค่อนข้างได้เปรียบมากกว่าร้านปกติทั่วไปค่อนข้างมาก
ซึ่งอันนี้ยังไม่ได้นับสินค้าที่เราน่าจะชอบที่อยู่บนฟีดทั่วไป ซึ่งอันนี้หน้าฟีดแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เลยอาจจะสรุปได้ยากกว่าหน้าผลลัพธ์การค้นหา ซึ่งค่อนข้างเวลาค้นหาแล้วจะแสดงผลที่ชัดเจนกว่า
ถ้าสินค้าคู่แข่งหรือใกล้เคียงของเรา ไม่มีร้าน Mall หรือมีน้อยมาก แล้วเราคือ LazMall, Shopee Mall เราจะได้เปรียบอย่างมาก
จริง ๆ ก็เป็นผลจากหัวข้อก่อนหน้านี้ ที่หน้าผลลัพธ์การค้นหามักจะโชว์สินค้าจากร้าน Mall พอสมควร และเป็นลำดับต้น ๆ ซึ่งถ้าเราสำรวจตลาดแล้ว สินค้าที่เหมือนกัน ใกล้เคียงกัน แต่มีร้าน Mall น้อย หรือแทบจะไม่มีเลยนั้น เรียกว่าเป็นโอกาสมาก ๆ ที่จะทำให้สินค้าของเราโดดเด่นกว่าคนอื่นด้วยการสมัครเป็นร้าน Mall ทำให้อัตราการคลิกสินค้าของเราสูงขึ้น และช่วยให้สินค้าขายได้ดีมากขึ้นด้วย เพราะว่าสินค้าของเราจะดูแตกต่างขึ้นมาทันทีท่ามกลางร้านค้าทั่วไปที่ไม่ได้เป็น Mall ซึ่งการใช้ประโยชน์จากตรงนี้จะช่วยได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
แล้วในส่วนของ Ads การเป็น LazMall, Shopee Mall จะช่วยได้ไหม

การทำโฆษณา Lazada Ads, Shopee Ads จะได้ ROAS สูงขึ้น เมื่อสำหรับร้าน Mall*
อันนี้ของ Disclaimer ไว้ก่อนเลยว่าเป็นความเห็นส่วนตัวและจากประสบการณ์ที่เราทำมา เช่นการทำแคมเปญโฆษณาสินค้าที่เหมือนกัน งบประมาณต่อวันที่เหมือนกัน โปรเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าสิ่งที่แตกต่างก็คือร้าน Mall กับNon-Mall (อาจมีปปัจจัยอื่นร่วมด้วยที่แตกต่างกัน เช่นรีวิว จำนวนสินค้าที่ขายได้ เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้) จากที่ทำโฆษณามา สินค้าร้าน Mall มักจะได้ ROAS สูงกว่าในหลายครั้ง โดยจะมากกว่าที่ราว ๆ 20-30% ซึ่งตัวเลขตรงนี้อาจจะมากกว่าเดิมเมื่อถึงช่วงวันเวลาที่เป็น Double Day ดังนั้น ตรงนี้เรียกได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบสำหรับร้านที่เป็น Mall และทำโฆษณาไปด้วยนั่นเอง
Affiliate Marketing จากร้าน Mall ก็มักจะมีรายได้จากตรงนี้สูงกว่าร้านที่เป็น Non-Mall
Affiliate Marketing มีข้อดีนั่นคือการที่เรากำหนดค่าคอมมิชชั่นของแต่ละสินค้าเองได้ ก็เลยเป็นการกำหนดค่า ROAS ได้อย่างกลาย ๆ แต่สิ่งที่กำหนดได้ยาก นั่นคือการที่จำเกิดการสั่งซื้อจาก Affiliate ดังนั้นการที่จะช่วยเพิ่มอัตราการซื้อได้ ก็จะมีไม่กี่อย่างเช่น การเข้าร่วมแคมเปญ การเพิ่มโปรโมชั่น การมีคูปองต่าง ๆ และสุดท้ายนั่นคือความเชื่อมั่นในร้าน Mall ที่จะช่วยเพิ่มอัตราการสั่งซื้อจาก Affiliate ได้มากว่าร้านทั่วไป (ถ้ากำหนดค่าคอมมิชชั่นเท่ากัน และราคาเท่ากัน) ตรงนี้มากจากประสบการณ์ตรง เรียกว่าทำร้าน Mall และ Non-Mall สินค้าเหมือนกัน กำหนดค่าคอมมิชชั่นเท่ากัน ราคาขายใกล้เคียงกัน การสั่งซื้อผ่าน Affiliate ในร้าน Mall จะสูงกว่าในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ร้าน LazMall, Shopee Mall สามารถทำ Brand Mega Offer, Super Brand Day ได้
จุดเหนือกว่าของร้าน LazMall, Shopee Mall ที่มากกว่าร้านธรรมดา นั่นก็คือเราสามารถลงโฆษณาที่แบรนด์ของเราได้ ไม่ว่าจะเป็น Brand Mega Offer, Super Brand Day ได้ แบบเราจะได้วันที่เฉพาะเพื่อเพิ่มยอดขาย นอกเหนือจากวันแคมเปญ โดยจะมีแบนเนอร์เป็นของร้านตัวเอง แต่ก็ยอมรับด้วยว่าการโฆษณา Brand Mega Offer, Super Brand Day นั้นจะมีค่าโฆษณาค่อนข้างสูง เราก็อาจจะต้องมีคำนวณว่าคุ้มแค่ไหนเมื่อทำโฆษณาประเภทนี้
สรุป การเป็น LazMall และ Shopee Mall มีผลต่อการสั่งซื้อแค่ไหนทั้ง Ads และ Organic
การเป็น LazMall และ Shopee Mall นั้นมีผลต่อกการสั่งซื้อที่มากขึ้น ทั้งในส่วนของ Ads และ Organic เพราะว่าร้านแบบ Mall นั้นมีการการันตีว่าขายสินค้าที่เป็นของแท้ มีการรับรองจากทางแพลตฟอร์ม และยังเป็นการสกรีนผู้ขายไปในตัวด้วย
แต่สำหรับเจ้าของแบรนด์ ผู้ขายที่กำลังคิดว่าจะเริ่มสมัครเป็น LazMall และ Shopee Mall ดีไหม ก็ต้องมาวัดกันว่า การแลกกับค่าธรรมเนียมที่มากขึ้นนั้น จะคุ้มค่ากับการเป็น LazMall และ Shopee Mall มากแค่ไหน ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ขายแล้ว
*เป็นตัวเลขที่มาจากประสบการณ์ของทาง moonday agency ที่เคยทำมาเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก moonday.agency ได้ที่
Facebook, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x moonday agency