หมดปัญหาขั้นตอนยุ่งยาก เพราะทุกขั้นตอนบรีฟตรง ไม่ต้องรอนาน
July 3, 2024โปร Double Day (DDay) หลายคนอาจคุ้มชื่อโปรเลขเบิ้ลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 11.11 12.12 ฯลฯ เรียกว่าเป็นโปรใหญ่ประจำเดือน ที่หลายร้านค้ามักจะพยายามเข้าร่วมเป็นประจำ
เพราะว่าจะได้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่ทว่าก็จำเป็นต้องแลกมากับค่าคอมมิชชั่นที่เพิ่มขึ้น ก็ต้องมาเทียบกันว่าคุ้มค่าแค่ไหน กับการที่ขายดีเพิ่มขึ้น แล้วก็ต้องจ่ายค่าคอมมิชชันเพิ่มขึ้นให้กับแพลตฟอร์ม eCommerce ต่าง ๆไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada หรือ TikTok ก็ตาม
ทำความเข้าใจก่อนว่า โปร Double Day (DDay), Mid Month และ Pay Day คืออะไร
เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Double Day (DDay) โปรเลขเบิ้ล รวมไปถึง Mid Month และ Pay Day คืออะไร นั่นคือโปรโมชั่นที่ทางแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Shopee, Lazada, TikTok ให้ร้านค้าเข้าร่วม เพื่อได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ในช่วงเวลาโปรโมชั่นที่กำหนด เช่น ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มการมองเห็น สามารถใช้คูปองต่าง ๆ เพิ่มได้ รวมไปถึงการจัดส่งฟรี แต่ก็ต้องแลกกับค่าคอมมิชชันที่เพิ่มขึ้น และมีการปรับราคาสินค้าลดลง เพื่อให้เข้าร่วมโปรโมชั่นได้ นั่นหมายความว่าเราอาจจะขายดีขึ้น แต่ก็แลกกับส่วนที่จะได้กำไรลดลง ซึ่งก็ต้องชั่งใจว่า การขายดีนั้นจะมาช่วยทดแทนในส่วนที่กำไรลดลงไปได้แค่ไหน ส่วนความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย โปร Double Day (DDay) โปรเลขเบิ้ล รวมไปถึง Mid Month และ Pay Day ก็จะต่างที่เวลาเป็นหลัก
- Double Day (DDay) โปรเลขเบิ้ล
มักจะจัดขึ้นในวันเลขเบิ้ลเป็นหลัก เช่น 11.11 12.12 และเป็นก่อนหน้าและหลังนิดหน่อย จะอยู่ในช่วงต้นเดือนเป็นหลัก - Mid Month โปรกลางเดือน
อันนี้ก็ตามชื่อ มักจะจัดช่วงกลางเดือนเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยมักจะเริ่มวันที่ 15 เป็นหลัก - Pay Day เปย์เดย์ โปรปลายเดือน
เป็นโปรโมชั่นที่มักจะมีทุกช่วงปลายเดือน โดยจะเริ่มยาวตั้งแต่วันที่ 25 เป็นต้นไป จนสิ้นเดือน หรืออาจจะเลยไปยังต้นเดือนของเดือนถัดไปก็ได้
แล้วถ้าไม่เข้าร่วม โปร DDay, Mid Month และ Pay Day จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าทาง moonday agency นั้น จะตอบโดยใช้ประสบการณ์ที่เคยทำมากับลูกค้าที่ขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม eCommerce แต่ทว่าไม่ใช่ของเจ้าให้เจ้าหนึ่ง ไม่ได้เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมใดโดยตรง ดังนั้น อยากแจ้งตรงนี้ไว้ก่อนเลยว่า ตัวเลขไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ เพราะในแต่ละกลุ่มสินค้า ระยะเวลา การเข้าร่วมโปร และแพลตฟอร์มนั้นแตกต่างกัน สิ่งที่ลิสต์มาเป็นสิ่งที่พบเห็นได้อย่างชัดเจนจากการที่เมื่อก่อนเข้าร่วมโปรโมชั่น และต่อมาไม่ได้เข้าร่วมโปรโมชั่น จึงสามารถลิสต์เป็นหัวข้อต่าง ๆ ได้ดังนี้
1. จำนวน Visitors และ Page Views ของสินค้าน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าเมื่อเราเข้าร่วมแคมเปญ จะทำให้จำนวน Visitors พุ่งขึ้นสูงขึ้น และรวมไปถึงจำนวน Page Views ของสินค้าก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แต่ถ้าใครไม่ได้เข้าแคมเปญแล้วละก็ จำนวน Visitors และ Page Views จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่ามีความแตกต่างค่อนข้างมาก อาจจะถึงระดับ 20%-30% เลยทีเดียว และถ้าไม่ได้เข้าร่วมครบทั้งแคมเปญ Double Date, Mid Month, Pay Day ทำให้ผู้คนเข้าลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
ที่เกิดผลแบบนี้ เพราะว่าเมื่อเราจอยแคมเปญใหญ่ ระบบจะผลักดันสินค้าที่เข้าแคมเปญออกไปให้ถูกมองเห็นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหนก็ตาม ที่จะให้ความสำคัญกับสินค้าที่เข้าร่วมแคมเปญก่อนเสมอ เมื่อการโชว์สินค้าเยอะขึ้น จำนวนคน Visitors และ Page Views ก็มากขึ้นเป็นตามลำดับนั่นเอง
2. ทำให้อัตราการซื้อลดลง Purchase Rate หรือ Conversion Rate
เมื่อเราเข้าร่วมแคมเปญ ระบบก็จะมีการให้เก็บคูปองพิเศษ เพื่อใช้งานกับสินค้าที่ร่วมรายการ สินค้าที่ร่วมรายการนั่นก็คือสินค้าที่เข้าร่วมแคมเปญนั่นเอง การที่ลูกค้ามีคูปองอยู่ในมือ และต้องการซื้อสินค้า แน่นอนว่าถ้าเป็นสินค้าเดียวกัน เหมือนกัน ทั้งราคา คุณสมบัติ ลูกค้าก็มักจะเลือกสินค้าที่สามารถใช้คูปองได้ การที่ลูกค้าซื้อสินค้าที่ใช้คูปองได้ นั่นหมายถึงเราเพิ่มอัตราของ Conversion Rate หรือ Purchase Rate ที่คุ้นเคยกันว่าอัตราการซื้อให้เพิ่มขึ้นนั่นเอง และจะเห็นได้ชัดมากขึ้นในวันที่มีแคมเปญ
จากที่เคยลองทำจริง เมื่อเราเข้าร่วมแคมเปญ อัตราการซื้อสินค้า Purchase Rate นั้นอาจจะอยู่ราว 3%-5%* ได้เลย แต่ถ้าไม่ได้เข้าร่วมแคมเปญ นั่นหมายความว่า Purchase Rate จะเหลืออยู่ที่ 1%-2%* เท่านั้น เรียกว่าหายไปเยอะมาก และอย่าลืมว่า การที่เรามี Traffic ที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะจากทางใดก็ตาม ถ้ายังคง Purchase Rate ให้สูงเข้าไว้ก็เท่ากับว่ายอดขายโตขึ้น แต่ถ้า Purchase Rate ลดลง เราก็ต้องหา Traffic ให้สูงขึ้น เพื่อให้ได้ยอดขายเท่าเดิม อาจจะทำให้เรากลับกลายเป็นว่าเราต้องจ่ายเงินค่าโฆษณามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง Ads, Affiliate หรือแม้กระทั่ง CPAS สู้เราเพิ่ม Purchase Rate ให้ได้จะดีกว่า
3. ผลต่อเนื่องคือทำให้ประสิทธิภาพของ Ads ลดลงทั้ง Shopee, Lazada, TikTok ทำให้ ROAS ลดลง 40%*
ใครที่ทำในส่วนของ Ads ไม่ว่าจะเป็น Shopee Ads, Lazada Ads และ TikTok Ads ของแต่ละแพลตฟอร์มก็อาจจะต้องรู้เรื่องนี้ไว้ เพราะว่าถ้าเราเข้าร่วมแคมเปญ พร้อมกับการทำ Ads ไปด้วย มักจะเกิด ROAS ที่ค่อนข้างสูง และทำได้ค่อนข้างดี คุ้มทุนได้อย่างรวดเร็ว อะไร ๆ ก็ดูเหมือนไม่ยาก
แต่ถ้ากลับกัน เมื่อเราไม่เข้าร่วมแคมเปญ และทำ Ads ไปด้วย นั่นก็จะทำให้ยอด ROAS ลดลงไปราว ๆ 30-40%* เลยทีเดียว เพราะสืบเนื่องจากข้อที่แล้วนั่นคือ Purchase Rate ลดลง ทำให้ขายสินค้าได้ยากขึ้น มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อ เลยกลายเป็นว่าทำให้ฉุดรั้ง ROAS ให้ลดลงไปด้วยนั่นเอง
เอาจริง ๆ ก่อนที่เราจะมาเปรียบเทียบว่าจะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม ลองดูในส่วนของ Ads ที่เป็นช่วงแคมเปญ และเราเข้าร่วมก็ได้ จะเห็นว่า ROAS นั่นค่อนข้างดี และสูงพอสมควร แล้วก็ลองไปดูในส่วนของวันธรรมดาที่ไม่ได้เข้าร่วมแคมเปญอะไรส่วนมาก ROAS จะลดลง นั่นแหละคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราทำ Ads ไปด้วยและไม่ได้เข้าร่วมแคมเปญ
4. ส่งผลต่อ Affiliate ทำให้ยอดขายจาก Affiliate น้อยลงด้วย
เรียกได้ว่าลามไปทุกภาคส่วน ไม่พ้นแม้กระทั่ง Affiliate ถึงแม้ว่า Affiliate Marketing นั้นเราแทบจะกำหนด % ได้เองก็จริง หรือเป็นการกำหนด ROAS ได้ค่อนข้างแม่น แต่จะเห็นได้ชัดเลยว่าถ้าเราไม่ได้เข้าร่วมแคมเปญ ในช่วงนั้น Affiliate ก็จะขายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ราว 30-40%* เมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่เข้าร่วมแคมเปญ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องตามกันมา ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายด้าน Affiliate Marketing จะลดลง (ก็แน่นอนว่าขายได้น้อยลง เพราะ Affiliate คือระบบที่จะจ่ายเงินเมื่อเกิดการซื้อสินค้าจากลิงก์ที่ถูกนำไปโปรโมท) แต่เจ้าของร้านหลายคนคงไม่แฮปปี้เพราะยอดขายก็ลดลงด้วยนั่นเอง
5. และสุดท้ายคือยอดขายลดลงไปกว่า 50%* ทั้งที่ใช้ค่า Ads เท่า ๆ เดิม
อย่างที่กล่าวมา เมื่อเราไม่เข้าร่วมแคมเปญจะส่งผลกับยอดขายที่ลดลงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง Ads, Affiliate หรือแม้กระทั่งแบบ Organic ก็เลยกลายเป็นว่ายอดขายรวมลดลงเกือบ 40-50%* ถึงแม้ว่าเราจะใช้เงินในการทำ Ads เท่า ๆ เดิมกับเดือนก่อนหน้าที่เข้าร่วมแคมเปญก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องแลกมาเมื่อเราไม่ได้เข้าร่วมแคมเปญ
สรุป แล้วเข้าร่วม โปร Double Day หรือไม่เข้าร่วมดีกว่ากัน
ถ้าให้สรุปแบบง่าย ๆ ถ้าเราเข้าร่วมแคมเปญ DDay, Mid Month หรือ Pay Day พร้อมกับการใช้ Ads และ Affiliate ได้ผสานกันอย่างลงตัว จะทำให้สินค้าของเราขายดีขึ้นมาก โฆษณาจะได้ประสิทธิภาพสูง ROAS มากขึ้น อัตราการซื้อสูงขึ้น และแน่นอนว่ายอดขายสูงขึ้น ซึ่งก็ต้องไปแลกกับการที่จ่ายค่าคอมมิชชันมากขึ้น แล้วมาลองคำนวณดูว่ากำไรที่เราได้กลับมานั้น มากขึ้นหรือลดลง โดยปกติแล้ว ถ้าเราขายดีเมื่อเราขายดีถึงจุดหนึ่ง จะพ้นจุดคุ้มทุนต่าง ๆ ทำให้กำไรเพิ่มขึ้น เมื่อกำไรเพิ่มขึ้นก็เรียกได้ว่าเป็นจุดคุ้มทุนที่เหมาะสมกับการที่จะเข้าร่วมแคมเปญนั่นเอง
แต่ถ้าใครกังวลอยู่ว่าจะเข้าร่วมแคมเปญดีไหม ก็อาจทดลองเข้าร่วมแคมเปญกับสินค้าด้วยจำนวนไม่มากดูก่อน ถ้าผลลัพธ์ดีขึ้นในหลายด้าน รวมไปถึงยอดขายที่มากขึ้นก็เรียกได้ว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว
*เป็นตัวเลขที่มาจากประสบการณ์ของทาง moonday agency ที่เคยทำมาเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก moonday.agency ได้ที่
Facebook, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x moonday agency